Search

Batman Begins จุดเริ่มต้นตำนานภาพยนตร์ ด่านสุดท้าย...

  • Share this:

Batman Begins จุดเริ่มต้นตำนานภาพยนตร์ ด่านสุดท้ายก่อนตำนานวิดีโอเกม

เมื่อเอ่ยถึงซุปเปอร์ฮีโร่ น้อยคนนักจะไม่รู้จัก “แบทแมน” อัศวินรัตติกาลแห่งเมือง Gotham ต้นแบบศาลเตี้ย ผู้มองว่ากฏหมายพึ่งพาไม่ได้ จึงต้องสร้างตัวตนเป็นผู้พิพากษาข้างถนนเสียเอง

ถ้าเอ่ยถึงความสำเร็จ แบทแมน คือหนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ไม่กี่ราย ที่ประสบความสำเร็จในสื่อหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน นอกจากคอมิกส์ของตนเอง โดยเฉพาะ ภาพยนตร์ และ วิดีโอเกม สองสื่อที่ซุปเปอร์ฮีโร่น้อยรายนักจะประสบความสำเร็จ แต่ แบทแมน ทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย

ส่วนของภาพยนตร์ แบทแมน ถูกผลิตออกมาตั้งแต่ยุค ‘40 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ดีบ้างร้ายบ้าง แต่ส่วนที่ทุกคนยกย่องให้เป็น “ตำนาน” คงหนีไม่พ้นไตรภาคของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับน้ำดีที่เคยกำกับภาพยนตร์ขึ้นหิ้งอย่าง Memento และ Insomnia มาแล้ว

ด้านวิดีโอเกม แบทแมน คือสิ่งที่เคียงคู่มากับวงการเกมอยู่ตลอด ตั้งแต่ปลายยุค ‘80 ผ่านเรื่องราวทั้งดีทั้งแย่ ไม่แพ้วงการภาพยนตร์ กว่าจะได้แจ้งเกิด ก็ต้องรอจนถึงปี 2009 ซึ่งนี่เป็นปีแรกที่ไตรภาค Arkham ไตรภาคที่ถูกยกให้เป็น “ตำนาน” วางจำหน่าย

ก่อนหน้านั้นจริง ๆ แล้ว แบทแมน ก็เกือบได้เป็นตำนาน เพราะเคยมีโปรเจกต์ในการทำเกมแบบไตรภาค ล้อไปกับภาพยนตร์ของโนแลน โดยใช้บทเดียวกันกับฉบับภาพยนตร์ แต่จะมีการเพิ่มฉากต่าง ๆ เข้ามาอธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนระยะเวลาจำกัดในเวอร์ชันจอเงิน ฟังดูคร่าว ๆ แล้วน่าจะเป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

โปรเจกต์แรกเริ่มขึ้นในชื่อ Batman Begins พัฒนาโดย Eurocom และ EA โดยได้รับความช่วยเหลือจากทั้ง Warner Bros. และ DC Comics เพื่อผลักดันตัวเกมออกมาให้ดีที่สุด ถึงขนาดมีการใช้นักแสดงที่รับบทนั้น ๆ มาให้เสียงตัวละครจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียน เบล หรือ เลียม นีสัน และคนอื่น ๆ ขาดแต่เพียงแกรี่ โอลด์แมน ผู้รับบท จิม กอร์ดอน เท่านั้น ที่มาให้เสียงไม่ได้

ในปี 2005 ตัวเกมวางจำหน่ายก่อนหน้าภาพยนตร์ฉายไม่กี่ชั่วโมง หวังให้ผู้คนอิ่มเอมใจกับสื่อทั้งสองด้าน แต่สภาพโดยรวมของตัวเกม ดันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคาดหวัง เพราะถึงเนื้อหาจะดีเพียงใด แต่ระบบการเล่นนั้นกลับธรรมดา ถึงขนาดว่าเว็บไซต์หลายแห่ง ให้คะแนนเพียง 50-60% พร้อมตีตราคำว่า “ไม่สนุก” ติดไว้ สวนทางกับหนังที่ได้รับแต่คำวิจารณ์ในแง่ดี กล่าวได้เลยว่า Batman Begins ในฉบับเกม เริ่มต้นได้ไม่สวยอย่างที่คิด

แม้ Begins จะไม่เป็นดังหวัง แต่เมื่อสัญญายังไม่หมด EA ก็ต้องพยายามเข็นภาคต่ออย่าง Batman: The Dark Knight ออกมา แต่คราวนี้เปลี่ยนจาก Eurocom ไปใช้ Pandamic Studio แทน โดยเริ่มพัฒนากันตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2006

ความคาดหวังของ EA ในขณะนั้น คือวางจำหน่ายเกมพร้อมวันฉายภาพยนตร์เหมือนเดิม ใช้หลักการเดิมคือนำเนื้อเรื่องมาใช้ แล้วขยายความเพิ่มให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อดึงดูดความสนใจจากแฟนหนัง อย่างที่พวกเขาทำในภาคที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้มันจะต้องออกมาดีแน่ ๆ เพราะกระแสที่ถล่มทลายจากหนังภาคแรก

แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เพราะสตูดิโอพัฒนาเกมนี้มองว่าการพัฒนาเกมแบบเดิมกับภาคที่แล้ว อาจไม่ตอบโจทย์ ฉะนั้นพวกเขาเลยจะเปลี่ยนไปทำเกมแนว Open World ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ในการตีความแบทแมนของโนแลนมากกว่า แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ พวกเขากับพบว่า engine ของเกม กับ assets ส่วนใหญ่ เข้ากันไม่ได้ ทำให้การพัฒนาล่าช้าออกไป และอาจเสร็จสิ้นไม่ทันเดดไลน์ในช่วงปลายปี 2008

เมื่อเห็นท่าไม่ดี และอาจจะสูญเสียมากกว่าได้ สุดท้าย EA จำใจยกเลิกการพัฒนา พร้อมปล่อยให้สัญญาการพัฒนาเกมเปลี่ยนมือกลับไปสู่ Warner Bros. อีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นจุดกำเนิดของ Batman Arkham Asylum ในเวลาต่อมา

ในแง่ธุรกิจ มีการคำนวณกว่า EA อาจสูญเสียรายได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์จากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะ The Dark Knight คือหนังภาคที่ดีที่สุดในไตรภาคของโนแลน

Batman Begins อาจไม่ได้เป็นตำนานในฐานะวิดีโอเกมของ แบทแมน เพราะการออกสตาร์ทที่ไม่สวยงามในครั้งแรก และจบลงด้วยการสะดุดล้มตั้งแต่ยังไม่ได้วิ่งในรอบที่สอง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่ใช่น้อย กับการหยิบทรัพยากรจากวงการภาพยนตร์มาใช้งาน โดยเฉพาะบทจาก คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่เราอาจไม่มีทางจะได้เห็นในวงการเกมเลยก็ได้ หากไม่มีโปรเจกต์ "เกือบ" ตำนาน โปรเจกต์นี้


Tags:

About author
not provided
ข่าวสารวงการเกม Review Preview พร้อมบทความระดับคุณภาพ www.GamingDose.com
View all posts